
retroPGF3 เป็นครั้งแรกของแอดนาโน แอดเองก็เพิ่งรู้หลายอย่าง เกือบตกรอบไปเหมือนกัน
แอดจะพยายามให้ความรู้ OP กระจายไปได้มากที่สุด คนไทยจะได้ไม่พลาดอีก
ผมย้ำอยู่เสมอว่า Optimism retroPGF ไม่ได้สมบูรณ์แบบ มันเป็นแนวทางใหม่ที่เพิ่งเกิดและมีคนทำงาน มีความพยายามพัฒนาระบบเพื่อให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ
เป็นเรื่องดีที่เรามี community ช่วยกัน วิจารณ์และ feedback
อันนี้คือข้อเสียที่เคยเขียนไว้ หลักๆเลยคือการกระจายกำลังตรวจงานควรจะดีกว่านี้ Badgeholder แต่ละคนจะได้สามารถ "dig" ได้มากขึ้นละเอียดขึ้น และไม่ overload เกินไป
หลายจุดผมได้อ่านและส่งต่อให้กับทีมแล้ว
ตัวผมเองก็มี feedback ไปเยอะเหมือนกัน
1. Round design ไม่มีการกระจายคนตรวจ https://web3.gadgeteer.in.th/retropgf3-to-improve
2. การกระจายตัวแหน่งผู้ประเมิน ที่เราเรียกว่า badgeholders ไม่ดีเท่าไหร่ https://web3.gadgeteer.in.th/retropgf3-4-badgeholder-distribution
ส่วนที่ commu เข้าใจผิด ผมขออนุญาตชี้แจง เพราะข่าวสารที่ผิดๆ ก็ทำให้เราพลาดโอกาสไปได้
เริ่มกันเลย
ในโลกคลิปโตเราเห็น grants มากมาย ต้องร่างโครงการให้ชัด แล้วยื่นขอทุน
Retropgf ก็คล้าวๆ grant แต่ทำก่อน ค่อยยื่นขอทุนทีหลัง ดังนั้น การรู้กระบวนการขอทุนก็สำคัญไม่แพ้การทำงาน
เวลาขอทุนจาก vc นักลงทุนไหนๆ ยิ่งเราคาดหวังเงินเท่าไหร่ เรายิ่งตั้งใจอ่านกฏให้ดี
retroPGF3 จริงๆประกาศตั้งแต่ช่วงกลางเดือน June 2023
20 Sep คือช่วงที่มีการเปิดให้ส่งผลงานครับ influ บางทางก็เข้าใจผิด บอกให้ follower รีบเริ่มทำงานส่งตอนนั้น
การปั่นงานในระยะเวลาที่กระชั้นชิด อาจจะทำให้เรามี impact ไม่พอ
มี Impact Evaluation Framework สำหรับ badgeholder ทุกคน การให้คะแนนและประเมินก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละคนซึ่งมีมุมมองต่างกันไป อย่างไรก็ดี แอดเองก็สงสัยว่า badgeholder ทุกคนมีเวลาอ่านอันนี้รึเปล่า เพราะบางคนก็เพิ่งร่วม OP community ตอนได้เป็น badgeholder
อ่านเต็มๆได้ที่ https://plaid-cement-e44.notion.site/Impact-Evaluation-Framework-1bda7c3908c54d52ac4ef364251ef651
👉 อันนี้ ถ้าเราตั้งใจอ่าน ก็เหมือนเก็งข้อสอบรู้ว่าครูจะให้คะแนนยังไง
ความเห็นผมคืออย่างที่ผมได้วิเคราะห์จุดพลาดของ retroPGF3 ด้านบน ระบบมันทำให้ Badgeholder ไม่มีเวลา "Dig" ทุกๆโปรเจคอย่างละเอียด
Zuzala มีลิงค์เสียเยอะ แต่ก็มีลิงค์ดีอยู่ด้วย ซึ่งก็กล่าวถึง IRL event ขนาดใหญ่
Event มีอยู่จริง
ความผิดพลาดสามารถเกิดได้ 2 ฝั่งคือ
พลาดจากฝั่ง retroPGF
เช่นเดียวกับ zuzalu (แต่คนละด้าน) คือ retroPGF ยังไม่ perfect ผู้ตรวจอาจจะมีการประเมินผิดพลาด
พลาดจากผู้สมัคร
เราส่งรายละเอียดงานผิด หรือน้อยเกินไป ประเมินผลงานได้ยาก เช่น ส่งแค่ลิงค์ twitter อันเดียว
เค้าห้ามเคลมรางวัลซ้ำซ้อน ถ้าใครทำหลายโปรเจค พยายามทำให้ต่างมากๆ เนื้อหาผลงานไม่เหลื่อมกัน ลดความสับสน
บางคนทำหลายงาน ต้องพยายามมากขึ้นในการแยกแต่ละโปรเจคให้ขาด ลดความสับสนของ badgeholder ซึ่งอาจจะมีเวลาดูน้อย
ฝั่ง retroPGF system เราพัฒนาได้ด้วยการมีส่วนร่วมใน gov/feedback/etc 👈 อันนี้เราทำอะไรได้แค่อ้อมๆ
สิ่งที่เราควรทำให้ดีสุดคือฝั่งผู้สมัคร จะได้ไม่พลาดครับ
ทั้งหมด 146 คน เป็นคนไทย 3 คน
ตรงนี้มีความเข้าใจผิดอยู่หลายข้อ
Ambassador ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในการประเมินผู้สมัคร หากตั้งใจดูกติกาจริงๆก็ย่อมรู้อยู่แล้ว และโพสของผมก็บอกอยู่บ่อยๆอีกด้วย
มีคนบอกว่า "OP ใช้ระบบเส้นสาย" แต่กลับร้องว่า "ambassador คนไทย ไม่ยอมช่วยดัน" (นี่เป็นสารที่ย้อนแย้งกันเอง)
ส่วนตัวผมเชื่อว่า ambassador ควรรีวิวโปรเจคแบบแฟร์ๆ และพวกเขาก็พยายามทำอย่างนั้นให้ดีที่สุด (แน่นอนว่าอาจจะไม่ 100% หรือ แต่ละคนออกแรงไม่เท่ากัน)
ใน retroPGF3 รอบ review ทุกโปรเจคจะได้รับการ assign Badgeholders 5 คน ซึ่ง random ไม่สามารถระบุได้ว่าต้องการให้ Badgeholder คนไทยตรวจงาน
retroPGF3 รอบจริง ต้องใช้โหวต 17 ballot+ ขึ้นไป แต่ ambassador คนไทยมี 3 เท่านั้น ไม่สามารถผลักดันอย่างมีนัยยะ หากชาวต่างชาติไม่เห็น impact
Badgeholder 143 คน อย่าคาดหวังจาก 3 คน
คนชอบถามว่าแบบนี้มี impact มั้ย ถ้าเราต้องถามแปลว่าเสี่ยงครับ
ตัวเรายังไม่แน่ใจเลย ก็มีโอกาสที่จะผ่านและไม่ผ่าน ออกแรงทั้งทีมุ่งเอาให้ตรงเป้าครับ ให้เน้นทำงานที่เราจะบอกได้ว่า "ไอสัสแบบนี้ไม่มี impact ได้ไง"
แอดมี Marketing analysis เรื่องนี้ไว้แล้ว ลองอ่านดูนะครับ ^^
ไม่ครับ งานที่ยังไม่เคยเคลมรางวัล สามารถเอาไปยื่นใน retroPGF รอบหน้าได้
ทำ product ดี จะมีโอกาส impact สูง แต่อย่าลืม marketing ล่ะ
จบแล้วก็ประมาณนี้
ส่วนของ system หากอยากเปลี่ยนแปลงต้องส่ง feedback
ส่วนของเราเองทำให้ดีที่สุด
แล้วพบกันที่เส้นชัยหน้า retroPGF4 ครับ
ref:
No comments yet